ค่าลูเมนของหลอดไฟ คืออะไร?
สำคัญต่อการเลือกซื้อหลอดไฟไหม?
เวลาไปเลือกซื้อหลอดไฟ LED ใครยังเลือกซื้อหลอดไฟจากวัตต์ยกมือขึ้น! แล้วใครเคยสังเกตบ้างไหมคะ? ว่าบนกล่องหลอดไฟเรามักจะเจอค่าลูเมนและค่าวัตต์ที่ระบุในรายละเอียดผลิตภัณฑ์ แล้วค่าลูเมนกับค่าวัตต์มีความสัมพันธ์กันอย่างไร เวลาไปเลือกซื้อหลอดไฟต้องเลือกจากค่าอะไรกันแน่ ในบทความนี้มีคำตอบ
ค่าลูเมน (Lumen) หรือ lm เป็นหน่วยที่ใช้ในการบ่งบอกความสว่างของหลอดไฟ ถ้ายิ่งมีค่ามากเท่าไหร่เเปลว่าหลอดไฟดวงนั้นยิ่งจะมีความสว่างมากขึ้น หลอดไฟที่มีค่าลูเมนสูง มักมีความสามารถในการให้แสงสว่างและชัดเจนในพื้นที่ที่ใช้งาน
ค่าวัตต์ (Watt) เป็นหน่วยที่ใช้ในการวัดการใช้พลังงานของหลอดไฟ (กำลังไฟฟ้า) หลอดไฟที่มีค่าวัตต์สูงก็จะใช้พลังงานมากขึ้น หรือค่าไฟที่สูงขึ้น
ความสัมพันธ์ระหว่างค่าลูเมนและค่าวัตต์
อย่างที่ถามไปข้างต้น คนส่วนใหญ่ที่ยังเข้าใจผิดว่า เวลาเลือกซื้อให้ดูที่ค่าวัตต์เพราะวัตต์ เป็นตัวบ่งบอกค่าความสว่าง เเต่ที่จริงเเล้ววัตต์เป็นค่าที่บอกถึงค่าพลังงานไฟฟ้าที่ต้องใช้ ต่อไปนี้เวลาเลือกซื้อหลอดไฟ ห้ามดูเเค่ค่าวัตต์ ต้องดูค่าลูเมนควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้ได้ค่าของแสงสว่างที่ถูกต้อง และเหมาะสมกับการใช้งานนั่นเอง
ค่าลูเมนและค่าวัตต์ของหลอดไฟไม่สามารถเปรียบเทียบโดยตรง เพราะเป็นการวัดคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ค่าลูเมนเป็นการวัดความสว่าง ในขณะที่ค่าวัตต์เป็นการวัดการใช้พลังงาน ฉะนั้น
-
หลอดไฟที่มีค่าลูเมนสูงและค่าวัตต์ต่ำ จะมีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานสูง ให้แสงสว่างมาก และช่วยประหยัดพลังงาน
-
หลอดไฟที่มีค่าลูเมนสูงแต่ค่าวัตต์สูงด้วย อาจจะใช้พลังงานมากกว่า และค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
-
หลอดไฟที่มีค่าลูเมนต่ำแต่ค่าวัตต์ต่ำ อาจจะให้แสงสว่างน้อยลง และใช้พลังงานน้อยกว่า
ตอนนี้เราเข้าใจคำว่าวัตต์และลูเมนแล้ว เราจะมีวิธีการเลือกซื้อหลอดไฟให้มีประสิทธิภาพหรือคุ้มค่าได้อย่างไร?
วิธีการคำนวณค่าประสิทธิภาพความสว่างของหลอดไฟ
เมื่อเรารู้จักค่าลูเมนและค่าวัตต์เป็นอย่างดีแล้ว เราก็สามารถคำนวณหาค่าประสิทธิภาพการส่องสว่าง ซึ่งค่านี้จะทำให้ลูกค้ารู้ถึงความคุ้มค่าของหลอดไฟ ด้วยสูตรง่ายๆ
ค่าประสิทธิภาพการส่องสว่าง = ค่าลูเมน / กำลังไฟฟ้า (วัตต์)
ค่าประสิทธิภาพการส่องสว่าง หรือ ค่าลูเมนต่อวัตต์ เมื่อค่าลูเมนต่อวัตต์ออกมายิ่งสูง ยิ่งดี เพราะให้ค่าความส่องสว่างที่สูง แถมยังสามารถช่วยประหยัดค่าไฟได้อีกด้วย เลคิเซ่จะยกตัวอย่างการเปรียบเทียบค่าประสิทธิภาพการส่องสว่างของหลอดไฟ
เปรียบเทียบค่าประสิทธิภาพการส่องสว่าง
จะเห็นได้ว่า LED HIGH WATT SMOOTH GEN 2 เมื่อนำมาคิดค่าประสิทธิภาพการส่องสว่าง จะได้ 90 ลูเมน/วัตต์ อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือ หลอดไฟ LED HIGH WATT SMOOTH GEN 2 ให้ความส่องสว่างถึง 2700 ลูเมน โดยใช้ไฟฟ้าแค่ 30 วัตต์
ในขณะที่หลอดฟลูออเรสเซนท์ CFL ต้องใช้ถึง 45 วัตต์ เมื่อลองมาคิดค่าประสิทธิภาพการส่องสว่าง เมื่อนำมาหารกันเเล้วจะได้ 60 ลูเมน/วัตต์ นั่นหมายถึงต้องใช้ไฟฟ้าถึง 45 วัตต์ เพื่อให้ได้ความส่องสว่างที่เท่ากัน คิดเป็นการใช้ไฟฟ้าที่มากกว่าถึง 1.5 เท่าเลยทีเดียว
ในปัจจุบันเทคโนโลยีการผลิตหลอดไฟ มีวิวัฒนาการให้หลอดไฟ LED มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น สามารถทดแทนและทำให้ประหยัดไฟได้ถึง 85% จากหลอดฟลูออเรสเซนต์ นั่นเเปลว่าหลอดไฟชนิด LED จะมีค่าวัตต์ที่ต่ำกว่า ทำให้ประหยัดไฟกว่าหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์นั่นเอง
วิธีการเลือกซื้อหลอดไฟ
การเลือกซื้อหลอดไฟ ไม่ได้มีเพียง ค่าลูเมน ค่าวัตต์ หรือค่าประสิทธิภาพของการส่องสว่างเพียงเท่านั้น แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นส่วนเสริมในการตัดสินใจซื้อร่วมด้วย เช่น ราคา, ค่าอุณหภูมิของสี, มุมกระจายเเสง และอายุการใช้งาน ค่าพวกนี้ก็จะช่วยให้เราเลือกซื้อหลอดไฟได้ตรงตามความต้องการและตอบโจทย์การใช้งานได้มากยิ่งขึ้น
สรุป
ดังนั้นต่อไปนี้หากต้องไปเลือกซื้อหลอดไฟด้วยตัวเอง ให้เราพิจารณาจากค่าความสว่างของหลอดไฟได้จากค่าลูเมน (lm) ซึ่งจะมีระบุอยู่ข้างกล่องบรรจุภัณฑ์ ยิ่งค่า lumen มาก ความสว่างก็จะมาก และให้พิจารณาค่าประสิทธิภาพ หรือลูเมนต่อวัตต์ (lm/W) เป็นตัวเปรียบเทียบด้วยเช่นกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีความสว่างและประหยัดพลังงานในระดับที่เหมาะสม และประหยัดเงินในกระเป๋าของคุณอีกด้วย
หวังว่าคอนเท็นต์ค่าลูเมน คืออะไร? สำคัญต่อการเลือกซื้อหลอดไฟไหม? จะมีประโยชน์ต่อการเลือกซื้อหลอดไฟของคุณนะคะ ฝากกดไลก์ กดติดตามเพจ LeKise Lighting เพื่อไม่พลาดข่าวสารและโปรโมชันดีๆจากทางเลคิเซ่นะคะ